จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อ 9 สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์
ความไม่มีวินัยนำพาไปสู่สาเหตุหลายอย่างที่ทำให้รถชนกัน ช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์นี้ ถ้าเริ่มต้นจากความไม่มีวินัย ต่อให้ถนนดีขนาดไหน ก็ไม่ช่วยให้เกิดความปลอดภัยบนท้องถนน สภาพรถที่ไม่มีมาตรฐาน และอีกหลาย ๆ อย่าง ดังนั้นความปลอดภัยควรจะเริ่มที่ตัวเรา ไม่เช่นนั้นแล้ว ถนนที่ไม่ได้คุณภาพ จะหลอมรวมและทำให้เกิดความสูญเสีย สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้มีจุดเริ่มต้นจากวินัยของผู้ขับขี่ จนเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ร้ายแรง บ่อยครั้งที่มีการเกิดอุบัติเหตุทางถนนนั้น มีต้นเหตุมาจากสาเหตุใดครับ
1.เมาสุรา
ที่หนึ่งคนไทยเมาได้ทุกที่ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยมากที่สุดคือ เมาแล้วขับ เพราะการดื่มแอลกอฮอล์แล้วจะทำให้สมรรถภาพ สติและมันก็เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดจากรถชนกัน ในการขับขี่ลดลง การตอบสนองของผู้ดื่มจะลดลง ช้าลง อาจเป็นเพราะการขาดความรับผิดชอบหรือมาตรฐานการกวดขันที่ต่ำเอามาก ๆ ของเจ้าหน้าที่ ทุกคนบนท้องถนนเราจะได้เห็นผู้ขับขี่ที่อยู่ในสภาพเมามายไม่พร้อมที่จะขับรถ ออกมาโลดแล่นท้าความตายบนถนนอยู่เสมอ และหากจะไปตายคนเดียวก็ไม่มีใครว่า แต่อุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับส่วนใหญ่ผู้สูญเสียกลับเป็นผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมาแล้วขับ อย่าต้องให้ผู้อื่นที่ไม่รู้เรื่องต้องมาถูกคุณขับรถชนเลยอย่าต้องให้ผู้อื่นที่ไม่รู้เรื่องต้องมาถูกคุณขับรถชนเลย
2.ขับรถเร็วเกินกำหนด
ถ้าเรื่องเมาเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ความคึกคะนองก็เป็นสาเหตุต่อมา คนไทยมีพฤติกรรมการขับขี่ที่เร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดอยู่เสมอ จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ปัญหาการขับรถเร็วเกินกำหนดไม่ได้จำกัดอยู่ที่ผู้ขับขี่ที่เป็นวัยรุ่นเท่านั้น วัยผู้ใหญ่ที่ควรจะมีสติยั้งคิดกลับกลายเป็นคนก่อให้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เสียเองซะส่วนใหญ่ เป็นจุดที่พบว่ามีผู้คนขับรถเร็วเกินกำหนดร้อยละ 80% เป็นไปได้ว่าผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่การงานดีเมื่อมีเงินพอที่จะซื้อรถแพง ๆ เครื่องแรง ๆ ใช้ความเร็วสูงได้ มันก็ต้องได้ใช้พลังของรถที่ซื้อมาให้คุ้ม ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากที่สุด
3.ตัดหน้ากระชั้นชิด
ท้องถนนในประเทศเราเป็นแหล่งรวมจอมปาดมากที่สุดในโลก การขับรถเร็วแถมยังตัดหน้ารถคันหน้าอย่างกระชั้นชิด และยิ่งเป็นจอมปาดมืออาชีพ ขับรถตัดหน้า กลับเป็นคนที่ยอมไม่ได้เมื่อโดนปาดเข้าไปด้วย สถิติการทะเลาะวิวาทบนถนนจึงเป็นเรื่องหนึ่งที่สูงขึ้นมากในช่วงหลัง บางคนปาดกันไปมา จนสุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนให้คนอื่นเดือดร้อน การขับรถอย่างไม่มีวินัยไม่ให้สัญญาณเมื่อเปลี่ยนเลนก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ย่อมทำให้รถที่ถูกตัดหน้าเบรกไม่อยู่ แล้วในที่สุดก็จะเกิดอุบัติเหตุได้อย่างแน่นอน
4.ทัศนวิสัยไม่ดี
สภาพภูมิอากาศในบ้านเราที่มีฝนตกเป็นส่วนใหญ่ เป็นสิ่งที่บังคับกับภัยธรรมชาติ หรือ ฟ้าฝนตก พายุเข้า ไม่ได้เลยก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์มากมาย หลายคนอาจจะโทษว่าเป็นเพราะธรรมชาติ แต่ก็มีสาเหตุร่วมที่มาจากความประมาทของมนุษย์ด้วยเช่นกัน เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามีโอกาสฝนตกได้เสมอเมื่อเราขับรถออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่บังคับได้คือตัวเราที่จะขับรถอย่างช้า ๆ เมื่อเกิดฟ้าฝนไม่เป็นใจ และฝนก็ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ยากลำบาก แต่บางคนก็ยังไม่ดูแลสภาพรถให้พร้อม ยางปัดน้ำฝนบางคนไม่เคยเปลี่ยนเป็นปี ๆ เมื่อไปเจอฝนมันก็ไม่ปลอดภัยมองอะไรไม่เห็นและเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ขึ้นจนได้ ควรเปิดไฟกระพริบไว้ตลอดทาง และขับช้า ๆ แบบพอประมาณเพื่อความปลอดภัย
5.หลับใน
พักผ่อนไม่พอ ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ทุกคนต้องทำงานใช้แรงกายแลกเงินให้พอกับค่าใช้จ่าย การทำงานหนักก็ส่งผลให้สุขภาพแย่ลงได้เสมอ อาการนี้บางครั้งอาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวว่าเรากำลังหลับในในขณะขับรถอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นคนที่ทำงานกับการขับรถ แต่การขับรถกลับบ้านจากการทำงานหนักจนร่างกายอ่อนเพลียจนเป็นสาเหตุให้ขับรถหลับใน ก็เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุกันมามากเท่าไหร่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน ถ้ารู้ว่าต้องขับรถก็ควรที่จะนอนหลับพักผ่อนเอาแรงซะหน่อย หากรู้ตัวก่อนหน้านี้ว่าทำงานหนัก นอนไม่พอ รุ่งเช้าก็อย่าเพิ่งขับรถเป็นอันขาด ถึงช้าดีกว่าไปไม่ถึง
6.ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
สัญญาณไฟจราจรมีไว้เพื่อบอกให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตาม กฎจราจรนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อบังคับใคร แต่มันมีไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิตคุณ แต่มักจะเห็นได้บ่อยคือ การฝ่าไฟแดง เลี้ยวในที่ห้ามเลี้ยว ห้ามยูเทิรน์ ดังนั้นบางกฎถึงคุณจะไม่ชอบ รู้สึกว่ามันไร้สาระ แต่มันมีไว้เพื่อปกป้องคุณเองและผู้ร่วมทาง คุณควรตระหนักว่าคุณจะไม่ได้โชคดีทุกครั้งไป ครั้งนี้คุณฝ่าไฟแดงไปได้ แต่ครั้งหน้า มันอาจจะมีรถสวนมาและคุณก็ไม่รอด แต่ก็ทำโดยไม่เกรงกลัวหรือกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับผู้อื่นเลย คุณควรเลิกนิสัยการเห็นไฟเหลืองแล้วรีบเหยียบคันเร่งให้พ้นไป เพราะนั่นคือการเตือนให้คุณชะลอ อย่าคิดว่ารถของเราแน่พอจะไปทันเสมอ
7.แซงรถในที่คับขัน
การแซงก็เป็นส่วนหนึ่งในการใช้รถบนถนน หลายครั้งที่การไม่รู้เส้นทางทำให้ต้องเปลี่ยนเลนกะทันหัน ที่ต้องอาศัยทักษะและการตัดสินใจที่เฉียบขาด เราเชื่อว่าคุณเป็นผู้ขับขี่ที่มีการตัดสินใจที่ดี แต่รู้หรือไม่ว่าการเปลี่ยนเลนกะทันหันอาจทำให้รถคันหลังที่ตามมาเบรกไม่ทัน การแซงทุกครั้งคุณทำได้อย่างดีเยี่ยมเสมอ แต่คุณควรจะคิดเสมอว่า ผู้ขับคนอื่น ๆ ไม่ได้เก่งกาจเหมือนคุณทุกคน ขณะที่คุณเร่งแซงในที่คับขันคุณไม่สามารถแน่ใจได้ว่ารถคันที่คุณกำลังแซงจะอยู่นิ่ง ๆ ตรงนั้นเสมอ จะไม่แฉลบขวาออกมาเพราะมองไม่เห็นคุณ ทางที่ดีที่สุดคือแซงเมื่อปลอดภัย เพื่อความมั่นใจในการขับขี่ไปยังถนนแต่ละเส้นได้อย่างปลอดภัย อย่าได้เสี่ยงกับคนที่คุณไม่รู้จักเด็ดขาด
8.โทรศัพท์ขณะขับขี่
ตั้งแต่โลกเรามีโทรศัพท์มือถือ ปัจจุบันเป็นที่ฮิตกันมากเลยกับการเล่นไลน์ขณะขับรถ มันก็เข้ามาเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ทันที ทุกคนก็รู้กันอยู่ว่าการขับรถนั้นสมาธิเป็นสิ่งสำคัญ อาจด้วยความเพลิดเพลินในการสนทนากับเพื่อน ต้องรีบตอบทันทีทันใด แม้การใช้โทรศัพท์ในรถยุคปัจจุบันจะมีพัฒนาการไปไกล จนมีทั้งหูฟังหรือบลูทูธเข้ามา แต่การพูดโทรศัพท์ก็ดึงสมาธิของเราออกจากการขับรถได้ง่าย ๆ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่ควรรับโทรศัพท์ แต่ถ้าจำเป็นก็ควรจะจอดรถก่อน เพราะมันเป็นวินัยที่เราควรจะรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมทาง คำว่าอุบัติเหตุไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณคนเดียว แต่เกิดขึ้นกับคนอื่นได้ด้วยเช่นกัน ฉะนั้นหากมีธุระสำคัญประการไหนก็ตาม ขอให้คุณหาที่ข้างทางที่ปลอดภัยจากถนนสายหลัก
9.บรรทุกเกินตัว
การบรรทุกเกินตัว เป็นวินัยอีกอย่างในการขับรถโดยเฉพาะพวกรถบรรทุก คือการบรรทุกเกินที่กฎหมายกำหนด แน่นอนว่าทุกคนต้องการทำกำไรจากการขนส่งให้มากที่สุด แต่เราต้องย้ำอีกครั้งว่ากฎจราจรมีไว้เพื่อความปลอดภัย ถ้าเราเคยขับรถไปตามต่างจังหวัด เราจะเคยเห็นรถกระบะที่บรรทุกของมาสูงกว่าตัวรถสองถึงสามเท่า ความเห็นแก่ตัวระดับนี้เป็นเรื่องปกติบนท้องถนนเมืองไทย และมันเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ได้ เพราะการบรรทุกหนักนาน ๆ เข้า สภาพรถก็เสื่อมลง เราจึงได้เห็นว่ารถบรรทุกขับอยู่ดี ๆ มันก็ล้มลงมาทับรถคันอื่น